ถ้าดูจากอัตราค่านายหน้าจากที่ยกตัวอย่างของโบรกเกอร์เมย์แบงก์กิมเองไป สงสัยกันหรือเปล่าคะว่า ตัวแดงๆ ที่เขียนว่า 50 บาทต่อวัน คืออะไร
ที่มา: เมย์แบงก์กิมเอง
อันนี้เป็นข้อกำหนดของโบรกเกอร์เมย์แบงก์กิมเองที่คิดอัตราค่าคอมมิชั่นขั้นต่ำ 50 บาทต่อวันซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็จะใช้อัตรานี้จะมีไม่กี่โบรกเกอร์ที่ไม่คิดค่าขั้นต่ำนะคะ เช่น บล.บัวหลวง, บล.ยูโอบีเคเฮียน, บล.ทิสโก้
อัตราค่าคอมมิชั่นขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน หมายความว่า ในแต่ละวันถ้าเราซื้อขายหุ้นแล้วค่าคอมฯรวมกันไม่ถึง 50 บาท เค้าจะคิดเราที่ 50 บาทเลย แต่ถ้าค่าคอมฯทั้งวันเรามากกว่า 50 บาท ก็จะคิดตามจริง แต่ถ้าวันไหนเราไม่มีการซื้อขาย ไม่มีการจับคู่เราก็ไม่ต้องเสียค่าอะไรนะคะ
ยกตัวอย่าง
เทรดหุ้น ตัวละ 10 บาท 1,000 หุ้น เป็นเงิน 10,000 บาท สมมุติค่าคอมมิชชั่นที่ 0.1578% ก็ต้องเสียค่าคอมฯ 15.78 บาท
ถ้าโบรกเกอร์ที่ไม่มีขั้นต่ำ จะเสียเงินค่าคอม 15.78 บาท + vat
ถ้าโบรกเกอร์ที่มีขั้นต่ำ 50 บาท จะเสียค่าคอม 50 บาท + vat
เทรดหุ้น ตัวละ 10 บาท 5,000 หุ้น เป็นเงิน 50,000 บาท สมมุติค่าคอมมิชชั่นที่ 0.1578% ก็ต้องเสียค่าคอมฯ 78.9 บาท
ถ้าโบรกเกอร์ที่ไม่มีขั้นต่ำ จะเสียเงินค่าคอมตามจริงนั่นคือ 78.9 บาท + vat
ถ้าโบรกเกอร์ที่มีขั้นต่ำ 50 บาท จะเสียค่าคอมตามจริงนั่นคือ 78.9 บาท + vat
ดังนั้นอาจโมเมคิดเองได้ว่าถ้าพอร์ทเรายังน้อยอยู่ เทรดซื้อขายคำนวณแล้วยังไงก็เสียค่าคอมฯต่ำกว่า 50 บาทต่อวัน แนะนำให้เปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ที่ไม่เสียค่าขั้นต่ำดีกว่า แต่ถ้าในแต่ละวันเราเทรดซื้อขายเป็นจำนวนเงินมากๆ ค่าคอมฯ เกิน 50 บาทเป็นปกติ อันนี้ก็แล้วแต่เลือกเลยค่ะ อาจจะหาโบรกเกอร์ที่บริการดี ๆ มีอุปกรณช่วยเหลือ มีบทวิเคราะห์ให้แบบนั้นไป
ย้ำอีกที ยอดซื้อ+ขายรวมทุกตัวต่อวันนะคะ ไม่ใช่ต่อรายการ ถ้าคิดค่าคอมฯแล้ว น้อยกว่า 50 บาท จ่าย 50 บาท ถ้าคิดแล่้ว มากกว่า 50 บาท จ่ายตามจริง (อย่าลืมคิด vat 7% ด้วยนะคะ)...ถ้าวันไหนเราไม่มีการซื้อขายก็ไม่ต้องจ่ายอะไร
สนใจเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหนตามไปเลือกได้เลยที่ รายชื่อโบรกเกอร์ เว็บ settrade.com นะคะ
-- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน --